แก้วแต่ละประเภทและจำนวนที่ควรมีสำรอง
แก้วแต่ละประเภทและจำนวนที่ควรมีสำรอง
แก้วแต่ละประเภทและจำนวนที่ควรมีสำรอง ปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้เพียงพอสำหรับการบริการในช่วงเวลาที่ลูกค้าเยอะ และสำรองไว้สำหรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการใช้งาน

แก้วแต่ละประเภทและจำนวนที่ควรมีสำรอง

การเลือกและจัดเตรียมแก้วในร้านอาหารไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสวยงามหรือประสบการณ์ของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการทำงานและการจัดการต้นทุน แก้วสำรองที่เพียงพอช่วยลดความกังวลช่วงลูกค้าเยอะและปัญหาจากการใช้งาน

วิธีคำนวณจำนวนแก้วสำรองที่เหมาะสม

  • จำนวนลูกค้าต่อวัน: ควรมีแก้วน้ำเปล่าเพียงพอตามจำนวนลูกค้า และสำรองสำหรับลูกค้ากลุ่มถัดไป
  • ประเภทเมนูเครื่องดื่ม: พิจารณาเมนูเครื่องดื่มหลักของร้าน เช่น หากขายไวน์หรือค็อกเทล ควรเพิ่มแก้วที่เกี่ยวข้องตามสัดส่วนยอดขาย
  • โอกาสเสียหาย: เผื่อสำหรับการแตกหักหรือเสียหาย โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกค้าแน่น
  • เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า: การวิเคราะห์จากข้อมูลของธุรกิจที่คล้ายกัน เพื่อจัดเตรียมให้เหมาะสมกับความต้องการใช้ ช่วยลดต้นทุนการสต๊อกเกินจำเป็น
  • รอบการล้าง: หากร้านมีระบบล้างจานที่รวดเร็ว อาจลดจำนวนลงได้

ประเภทแก้วที่ร้านอาหารควรมี

แนวทางการสำหรับการสต๊อกแก้วเครื่องดื่มสำหรับร้านอาหาร ตามประเภทแก้วเครื่องดื่ม เพื่อให้เพียงพอสำหรับการให้บริการลูกค้า ในช่วงเวลาที่ลูกค้าเยอะหรือมีงานจัดเลี้ยง

1. แก้วน้ำเปล่า (Water)

  • สำหรับการเสิร์ฟน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มทั่วไป
  • ควรมีทรงเรียบง่าย ทนทาน และเหมาะสำหรับการใช้งานในปริมาณมาก
  • จำนวน: ควรมีสำรองประมาณ 2 เท่าของจำนวนที่นั่งในร้าน

2. แก้วไวน์ (Wine)

  • แก้วไวน์แดง
  • แก้วไวน์ขาว
  • จำนวน: ควรมีสำรองประเภทละ 1.5 เท่าของจำนวนที่นั่ง*

สำหรับร้านที่ไวน์เป็นเมนูเสริม อาจกำหนด PAR ของแก้วไวน์ที่ 0.5-1 เท่าของจำนวนที่นั่ง

3. แก้วเบียร์ (Beer)

  • แก้วทรงสูงหรือแก้วเบียร์แบบมีหูจับ
  • จำนวน: ควรมีประมาณ 1.5 เท่าของจำนวนลูกค้าที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

4. แก้วค็อกเทล (Cocktail)

  • แก้วมาร์ตินี่
  • แก้วไฮบอล
  • แก้วร็อค / โอลด์แฟชั่น
  • จำนวน: ประเภทละ 0.25 เท่าของจำนวนที่นั่ง หรือ 1.5 เท่าของจำนวนค็อกเทลที่คาดว่าจะขายในวันปกติ

5. แก้วกาแฟและชา (Coffee & Tea)

  • รวมถึงแก้วสำหรับเอสเปรสโซ ลาเต้ และชา
  • ควรเลือกแบบที่จับง่ายและกันความร้อน
  • จำนวน: ประมาณ 2 เท่าของจำนวนที่นั่ง

6. แก้วน้ำผลไม้หรือสมูทตี้ (Juice or Smoothie)

  • แก้วที่มีดีไซน์สดใส
  • จำนวน: 1 เท่าของจำนวนที่นั่ง

*ร้านที่เพิ่งเปิดใหม่หรือร้านขนาดเล็กอาจยังไม่พร้อมสต๊อกแก้วจำนวนมาก อาจจัดซื้อให้แค่พอใช้งานก่อน แต่เมื่อจำเป็นต้องใช้จริงๆ ก็ไม่ควรประหยัดต้นทุนจนกระทบความสะดวกสำหรับการบริการลูกค้า

**ร้านเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่จัดเก็บจำกัด อาจเน้นแก้วอเนกประสงค์ที่ใช้ได้กับหลายเมนู

ข้อแนะนำในการจัดการแก้วในร้านอาหาร

1. แยกประเภทและเก็บให้เป็นระเบียบ

  • ใช้ชั้นวางหรือพื้นที่จัดเก็บที่แยกตามประเภทแก้ว
  • ลดความเสี่ยงของการเสียหายหรือหยิบผิด

2. ตรวจสอบจำนวนแก้วเป็นประจำ

  • ทำการตรวจนับจำนวนแก้วในแต่ละประเภท เพื่อให้แน่ใจว่ามีสำรองเพียงพอ

3. เลือกแก้วที่เหมาะกับสไตล์ร้าน

  • สไตล์และธีมของร้านอาหารควรสะท้อนผ่านแก้ว

4. เลือกวัสดุที่เหมาะกับการใช้งาน

  • แก้วที่ถูกใช้งานบ่อย ควรเลือกวัสดุที่มีความทนทานสูง เช่น แก้วโพลีคาร์บอเนต(แก้วตกไม่แตก)
  • แก้วใสเหมาะกับการเสิร์ฟในงานเลี้ยงหรืองานที่ต้องการความหรูหรา
  • วัสดุที่เลือกใช้ มีผลต่อความรู้สึกคุ้มค่าของลูกค้า ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับภาพลักษณ์ของร้าน

สรุป

การจัดเตรียมแก้วในร้านอาหารไม่ใช่เพียงแค่การเลือกดีไซน์ที่เหมาะสม แต่ยังต้องคำนึงถึงจำนวนที่เพียงพอและความสะดวกในการใช้งาน การมีแก้วสำรองในปริมาณที่เหมาะสมช่วยให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ลดปัญหาขาดแคลนในช่วงที่ลูกค้าแน่น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการภายในร้านได้อย่างมืออาชีพ

ใช้แอปพลิเคชันบริหารจัดการระบบหลังบ้าน ที่ช่วยจัดการสต๊อกอุปกรณ์เครื่องใช้และการตรวจนับสินค้า ตรวจสอบข้อมูลสต๊อกได้แบบเรียลไทม์

More
articles

สนใจร่วมขายเทมเพลต และผลงานดิจิตอล

วันเดียวเท่านั้น

ลดสูงสุด

50% Off

Days
Hours
Minutes

ส่วนลดออนไลน์ที่คุ้มที่สุดของปี